ตัวอักษรภาษาอังกฤษมีทั้งหมด 26 ตัว ดังนี้
ตัวพิมพ์ใหญ่
A B C D E F G H I J K L M N O P Q R S T U V W X Y Z
ตัวพิมพ์เล็ก
a b c d e f g h i j k l m n o p q r s t u v w x y z
วิธีการเขียนเลข 1 – 1,000,000
| |
1 one
2 two
3 three
4 four
5 five
6 six
7 seven
8 eight
9 nine
10 ten
|
20 twenty
30 thirty
40 forty 50 fifty 60 sixty 70 seventy 80 eighty 90 ninety 100 one hundred
1000 one thousand
|
หลักการเขียน - อ่าน ตัวเลขเป็นภาษาอังกฤษ
การนับหลักสิบ (1 – 99)
21 = 20+1 >>> twenty + one = twenty-one
32 = 30 +2 >>> thirty + two = thirty-two
44 = 40 + 4 >>> forty+four = forty-four
68 = 60+ 8 >>> sixty+eight = sixty-eight
97 = 90+7 >>> ninety+seven = ninety-seven
ที่เหลือก็ทำคล้ายกันครับ ไม่ยาก สังเกตนิดหนึ่งนะครับว่าหลักสิบกับหลักหน่วยมีเส้นขีดคั่นกลาง
การนับหลักร้อย (100 – 999)
153 =100+50+3 >>> one + hundred+fifty+three = one hundred and fifty three
576 = 500+70+6 >>> five+hundred+seventy+six = five hundred and seventy-six
880 = 800+80 >>> eight + hundred+eighty = eight hundred and eighty
905 = 900+5 >>> nine + hundred+five = nine hundred and five
ที่เหลือก็ไม่ยากครับทำคล้ายกัน โปรดสังเกตว่าระหว่างหลักร้อย กับหลักสิบและหน่วย มี and คั่นกลาง
ให้นักเรียนเขียนตัวเลขดังต่อไปนี้เป็นภาอังกฤษ
| |
1. 35
2. 44
3. 47
4. 59
5. 68
6. 73
7. 88
8. 92
9. 97
10. 99
|
1. 108
2. 155
3. 222
4. 379
5. 414
6. 593
7. 677
8. 851
9. 934
10. 99
|
การนับหลักพัน (1000 – 9999)
3,234 = 3000 +200+30+4 = three thousand two hundred and thirty-four
7,302 = 7000+300+2 = seven thousand three hundred and two
5,045 = 5000+40+5 = five thousand and forty-five
ที่เหลือก็ไม่ยากครับทำคล้ายกัน โปรดสังเกตว่าระหว่างหลักร้อย กับหลักสิบและหน่วย มี and คั่นกลาง
การนับหลักหมื่น (10000 – 99999)
เนื่องจากว่าคำว่า หมื่น ในภาษาอังกฤษไม่มี แล้วจะนับกันอย่างไรล่ะ คำตอบคือเขานับหลักพันนั่นแหละว่ามันมี กี่สิบพัน เช่น
10,000 = สิบพัน >> ten thousand
50,000 = ห้าสิบพัน >> fifty thousand
73,000 = เจ็ดสิบสามพัน >> seventy-three thousand
40,320 = 40 พัน+300+20 >>> forty thousand three hundred and twenty
64,327 = 64 พัน+300+20+7 >>> sixty-four thousand three hundred and twenty-seven
98,028 = 98 พัน + 20 +8 >>> ninety-eight thousand and twenty-eight
ให้นักเรียนเขียนตัวเลขดังต่อไปนี้เป็นภาอังกฤษ
| |
1. 1,010
2. 1,155
3. 2,376
4. 3,852
5. 4,111
6. 5,984
7. 6,008
8. 7,777
9. 8,661
10. 9,904
|
11 10,011
12 19,150
13 27,391
14 30,953
15 47,000
16 50,123
17 67,890
18 76,543
19 80,008
20 90,909
|
การนับหลักแสน (100,000 – 999,999)
คำว่า แสน ก็ไม่มีในภาษาอังกฤษอีกแล้ว เขาก็นับหลักพันอีกนั่นแหละว่ามี
กีร้อยพัน เช่น
200,000 = สองร้อยพัน >> two hundred thousand
620,000 = หกร้อยยี่สิบพัน >> sixty-two hundred thousand
854,000 = แปดร้อยห้าสิบสี่พัน >> eight hundred and fifty-four thousand
456,321 = 456 พัน+300+20+1 >>> four hundred and fifty-six thousand three hundred and twenty-one
876,530 = 876 พัน + 500 >>> eight hundred and seventy-six thousand five hundred and thirty
การนับหลักล้าน (1,000,000 – 9,999,999)
คำว่า ล้าน มีในภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ก็เอาไปนับได้เลยว่ามีกี่ล้าน ส่วนหลักอื่นๆก็ได้เรียนรู้มาหมดแล้วนะครับ
1,234,567 = one million two hundred and thirty-four thousand five hundred and sixty-seven
5,800,345 = five million eight hundred thousand three hundred and forty-five
Day ( วัน ) - Month ( เดือน )
Day ( วัน )
คำศัพท์วันทั้ง 7 ภาษาอังกฤษพร้อมคำอ่าน คำแปล
ที่ คำศัพท์ คำอ่าน คำแปล
1 Sunday ซั๊นเด วันอาทิตย์
2 Monday มั๊นเด วันจันทร์
3 Tuesday ทิ๊วสเด วันอังคาร
4 Wednesday เว็นสเด วันพุธ
5 Thursday เธิ๊สเด วันพฤหัสบดี
6 Friday ไฟร๊เด วันศุกร์
7 Saturday แซ๊ททะเด วันเสาร์
Month ( เดือน )
เดือนทั้ง12 เดือนพร้อมคำอ่าน คำแปล
ที่ คำศัพท์ คำอ่าน คำแปล
1 January แจน ยัวรี มกราคม
2 February เฟบ บรัวรี กุมภาพันธ์
3 March มาร์ช มีนาคม
4 April เอ พริล เมษายน
5 May เมย์ พฤษภาคม
6 June จูน มิถุนายน
7 July จูไล กรกฎาคม
8 August ออ กัสทฺ สิงหาคม
9 September เซพเทม เบอะ กันยายน
10 October ออคโทเบอะ ตุลาคม
11 November โนเวมเบอะ พฤศจิกายน
12 December ดีเซม เบอะ ธันวาคม
คำศัพท์ที่ใช้ในการนับลำดับที่
คำศัพท์ที่ใช้ในการนับลำดับที่ ได้แก่
1st = Fir"st"
2nd = Seco"nd"
3rd = Thi"rd"
4th = Fourth
5th = Fifth
6th = Sixth
7th = Seventh
8th = Eighth
9th = Ninth
10th = Tenth
11th = Eleventh
12th = Twelfth
13th = Thirteenth
14th = Fourteenth
15th = Fifteenth
16th = Sixteenth
17th = Seventeenth
18th = Eighteenth
19th = Nineteenth
|
20th = Twentieth
21st = Twenty "First"
22nd = Twenty "Second"
23rd = Twenty "Third"
24th = Twenty "Fourth"
25th = Twenty "Fifth"
26th = Twenty "Sixth"
27th = Twenty "Seventh"
28th = Twenty "Eighth"
29th = Twenty "Ninth"
30th = Thirtieth
31st = Thirty "first"
40th = Fortieth
50th = Fiftieth
60th = Sixtieth
70th = Seventieth
80th = Eightieth
100th = Hundredth
|
ให้นักเรียนเขียนตัวเลขดังต่อไปนี้เป็นภาอังกฤษ
| |
1. 123,456
2. 357,201
3. 564,820
4. 793,157
5. 909,090
|
1. 2,086,533
2. 4,563,210
3. 6,789,123
4. 8,264,913
5. 1,001,001
|
THE TIME
Asking the time - การถามเวลา
|
ก่อนถามควรใช้คำว่า Excuse me, เพื่อความสุภาพด้วยนะ
what's the time? ตอนนี้เวลาอะไร
what time is it? ตอนนี้เวลาอะไร
could you tell me the time, please? กรุณาบอกเวลาขณะนี้แก่ฉัน
do you happen to have the time? ท่านบอกเวลาขณะนี้ได้ไหม
do you know what time it is? ท่านทราบไหมว่าขณะนี้เวลาอะไร
what time do you make it? คุณจะทำมันเวลาอะไร
|
Telling the time - การบอกเวลา
|
t's ... มัน... about ... ประมาณ ...
almost ... เกือบจะ .. just gone ... เพิ่งจะ ...
เวลาบ่ายสามโมงสิบห้า อ่านว่า It’s a quarter past three in afternoon. (Quarter คือช่วงเวลาสิบห้าที หรือว่า 1 ใน 4 ส่วนของหนึ่งชั่วโมง)
|
ตัวอย่าง
|
01.00 one o'clock หนึ่งนาฬิกา
02.00 two o'clock สองนาฬิกา
01.15 quarter past one หนึ่งนาฬิกาสิบห้านาที
02.15 quarter past two สองนาฬิกาสิบห้านาที
01.30 half past one หนึ่งนาฬิกาสามสิบนาที
02.30 half past two สองนาฬิกาสามสิบนาที
01.45 quarter to two อีกสิบห้านาทีจะสองนาฬิกา
02.45 quarter to three อีกสิบห้านาทีจะสามนาฬิกา
01.05 five past one หนึ่งนาฬิกาห้านาที
01.15 ten past one หนึ่งนาฬิกาสิบนาที
01.55 five to two อีกห้านาทีจะสองนาฬิกา
01.50 ten to two อีกสิบนาทีจะสองนาฬิกา
01.40 twenty to two อีกยี่สิบนาทีจะสองนาฬิกา
01.35 twenty-five to two อีกยี่สิบห้านาทีจะสองนาฬิกา
15.15 ten fifteen สิบนาฬิกาสิบห้านาที
10.30 ten thirty สิบนาฬิกาสามสิบนาที
10.45 ten forty-five สิบนาฬิกาสี่สิบห้านาที
10.00 ten am สิบโมงเช้า
06.00 six pm หกโมงเย็น
12.00 at noon, midday เที่ยงวัน
24.00 midnight เที่ยงคืน
01.20 twenty past one หนึ่งนาฬิกายี่สิบนาที
01.25 twenty-five past one หนึ่งนาฬิกายี่สิบห้านาที
|
หลักการใช้ Verb to do คือ ประธานเอกพจน์ ใช้ does ประธานพหูพจน์ใช้ do
ประธานเอกพจน์
|
He , She , It , a cat , ชื่อคนคนเดียว สัตว์ตัวเดียว และสิ่งของอันเดียวที่กล่าวถึง
|
ใช้ Does
|
ประธานพหุพจน์
|
I , You , We , They , two cat , ชื่อคนหลายคน สัตว์หลายตัวสิ่งของหลายอย่างที่ถูกกล่าวถึง
|
ใช้ Do
|
จริงๆแล้วคำว่า does คือการเติม s ที่ท้ายคำว่า do แต่ไม่ได้เติม s เฉยๆ แต่เป็นการเติม es ตามหลักการทางภาษา
การย่อรูปปกติจะย่อรูปประโยคปฏิเสธเท่านั้น
do not = don’t ดู น็อท = โดนท
does not = doesn’t ดัสน็อท = ดัสเซินท
1. ประโยคบอกเล่า ( ประธาน + do, does) แปลว่า ทำ จะทำอะไรบ้างนั้น ดูจากตัวอย่างเลย
You do the laundry everyday. คุณซักผ้าทุกวัน
We do the washing after dinner. พวกเราล้างจานหลังอาหารเย็น
He does homework in the evening. เขาทำการบ้านในตอนเย็น
My mom does housework everyday. แม่ของฉันทำงานบ้านทุกวัน
2. ประโยคปฏิเสธ ( ประธาน + do + not / does + not ใช้เป็นคำปฏิเสธ ) แปลว่า ไม่..
I don’t know.ผมไม่รู้
He doesn’t love you. เขาไม่รักคุณ
You don’t drink coffee in the morning. คุณไม่ดื่มกาแฟในตอนเช้า
We don’t go to school everyday. พวกเราไม่ไปโรงเรียนทุกวัน
3. ประโยคคำถาม Yes / No Question
การทำประโยคคำถามให้เอา Do , Does มาวางไว้หน้าประโยค ตามหลักที่ว่า การสร้างประโยคบอกเล่าเป็นคำถามนั้น ถ้าไม่กริยาช่วย (is, am, are/ can/ should/ must) ในประโยค ให้เอา Verb to do มาใช้แทน
ประโยคคำถามแบ่งออกเป็นสองประเด็นคือ ถามในรูปแบบบอกเล่า และถามรูปแบบปฏิเสธ
1. การถามในรูปแบบบอกเล่า
Do you go go to school by car. คุณไปโรงเรียนโดยรถยนต์ใช่ไหม Yes, I do. / No, I don’t. ใช่ / ไม่ใช่
Does he come from China.? เขามาจากจีนใช่ไหม Yes, he does. No, he doesn’t.ใช่ / ไม่ใช่
Don’t they sell fruit? พวกเขาไม่ได้ขายผลไม้ใช่ไหม Yes, they do. / No, they don’t. ใช่ / ไม่ใช่
2. การถามในรูปแบบปฏิเสธ
Don’t you go go to school by car? คุณไปโรงเรียนโดยรถยนต์ใช่ไหม Yes, I do. / No, I don’t. ใช่ / ไม่ใช่
Doesn’t he come from China.? เขามาจากจีนใช่ไหม Yes, he does. No, he doesn’t.ใช่ / ไม่ใช่
Don’t they sell fruit? พวกเขาไม่ได้ขายผลไม้ใช่ไหม Yes, they do. / No, they don’t. ใช่ / ไม่ใช่
แบบฝึกหัด
Exercise 1: Fill in the blank with do , does
1. He…………his homework.
2. You………..…it very well.
3. We………….our homework.
4. She……………not eat rice.
5. I…………..not have money.
6. It …………not have a tail.
7. They……not..want to sleep.
8. Sam…………not like dogs.
9. …………..you want water ?
10. ………she come to school ?
11. Nancy…………not like cat.
12. We…………..not want that.
13. Her sister………not sleep.
14. ………….she come here ?
15. ………..a boy have two leg ?
16. …...........two boys have two leg?
17. I………not like that fruit.
18. My mother…………not have baby.
19. It ………….not rain .
20. You can………..that.
Exercise 2: Change these sentences into Negative: ( เปลี่ยนประโยคบอกเล่าเป็นปฏิเสธ )
1. I like to play football. ……………………………………………………………
2. She works in the room. .……………………………………………………………
3. We go to Bangkok. ……………………………………………………………
4. The boys sit under the tree. ……………………………………………………………
5. Suda has breakfast. ……………………………………………………………
Exercise 3: Change these sentences into Questions, Yes / No Questions (เปลี่ยนประโยคบอกเล่าเป็นประโยคคำถาม )
1. He wants a new book. ………………………………………………………………….
2. We go home late. ………………………………………………………………….
3. Sam walks to school. ………………………………………………………………….
4. I go to school every day. ………………………………………………………………….
5. Suda reads cartoon book. ………………………………………………………………….
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น